เพลงช้าๆ เสียงยืด....ยาว พริ้วหวีดหวิวเป็นระยะๆ เหมือนเสียงลมพัด ทำนองโบราณแบบ Old fashioned love song มีนักร้องอเมริกันจำนวนมาก ทั้งลูกทุ่ง คาวบอยประเภท King of the Cowboys และลูกกรุงที่โด่งดังในยุคก่อน อย่าง Perry Como นำไปร้องอัดเสียงต่อๆ กันมา จนถึงนักร้องรุ่นใหม่ในทุกวันนี้ ไม่รู้ว่ามีอะไรดีที่ตรงใหน ลองฟังของ Singing Cowboy จีน ออทรี(Gene Autry) ดูครับ เนื้อเพลงแปลไว้ตอนท้ายแล้ว
ลองดูวิดีโอข้างล่างนี้ ซึ่งร้องโดย Ken Curtis นักร้องคนหนึ่งในวง Sons of The Pioneers ซึ่งร่วมตั้งวงมาด้วยกันกับ Roy Rogers
ถ้านิยามของคำว่า หัวใจคาวบอย หมายถึง จิดใจที่รักอิสระเสรี ชอบผจญภัย ชอบต่อสู้และค้นหาสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ คำตอบก็คือ ตัมบลิง ตัมเบิลวีดส์ เป็นเพลงที่มีเนื้อความที่กินใจคนที่มีหัวใจคาวบอยมากที่สุดเพลงหนึ่ง แม้ในโลกปัจจุบันจะเป็นโลกของธุรกิจการแข่งขันไร้พรมแดน แต่ก็ยังมี Cowboy in Business Suit* อยู่ทั่วไปในทุกสังคม เพลงนี้จึงยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
(*--Cowboy in Business Suit -คาวบอยในสูทนักธุรกิจ เป็นเพลงๆ หนึ่งของ คลิ้นส์ อีสต์วูด)
เพลงนี้แต่งเมื่อประมาณปี 1932-1934 (ข้อมูลหลายแห่งไม่ตรงกัน) โดย บ๊อบ โนแลน (Bob Nolan, 1908-1980 ตอนเด็กชื่อ Robert Clarence Nobles ) ซึ่งเป็นสมาชิกวง Sons of the Pioneers คนหนึ่ง วงนี้คือวงที่ทำให้ Roy Rogers โด่งดังจนกลายเป็นดาราหนังแทน Gene Autry ในตอนหลัง พจนุกรมวิกี้พิเดียบอกว่า โนแลนแต่งเพลงนี้ก่อนเข้าวงเสียอีก สมัยที่เขายังทำงานเป็นแคดดี้อยู่ในเมืองลอสแองเจลีส ชื่อเพลงตอนแรกชื่อ "Tumbling Tumble Leaves" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "Tumbling Tumbleweeds" เพื่อใช้เป็นเพลงประกอบหนังชื่อเดียวกันนี้ ซึ่งแสดงนำโดย Gene Autry
เพลงTumbling Tumbleweeds ได้รับความนิยมมาก และให้บรรยากาศของคาวบอยได้ดี ถือว่าเป็น Signature Song ของวง Sons of the Pioneers ในขณะที่คนอเมริกันส่วนหนึ่งถือว่า ต้นตัมเบิ้ลวีดส์ เป็นสัญลักษณ์ของตะวันตกอย่างหนึ่ง เราจะเห็นต้นแห้งของมันกลิ้งหลุนๆ ไปตามลมในหนังคาวบอยดีๆ หลายๆ เรื่อง อย่างเรื่อง ซิลเวอราโด(Silverado) ตอนพระเอกดวลปืนกับผู้ร้ายก่อนจบ เขาจัดฉากโชว์ต้นตัมเบิ้ลวีดส์กลิ้งตามลมบนถนนได้ดีมาก

ฟังเพลงนี้ได้โดยคลิ๊กข้างล่างนี้ครับ
1. ตัมบลิง ตัมเบิลวีดส์ โดย Sons of the Pioneers 1934
2. ตัมบลิง ตัมเบิลวีดส์ โดย Gene Autry 1935
3. ตัมบลิง ตัมเบิลวีดส์· โดยวงคาวบอยของ Judy Coder 2006
4. ตัมบลิง ตัมเบิลวีดส์· โดย Michael Martin Murphy 1999
Tumbling Tumbleweeds
by Bob Nolan
Prelude:
C F C
I'm a roaming cowboy, riding all day long
ฉันคือคาวบอยเร่ร่อน ขี่ม้าเรื่อยไปตลอดวัน
G7 C
Tumbleweeds around me sing their lonely song.
ผ่านพุ่มตัมเบิลวีดส์ที่อยู่รอบกายฉัน มันต่างร้องเพลงที่แสนเดียวดาย
F C Cm6 A7
Nights underneath a prairie moon,
หลายคืนผ่านไป ภายใต้แสงจันทร์กลางทุ่งหญ้าไพศาล
D7 G
I ride alone and sing a tune.
ฉันขี่ม้าอยู่ผู้เดียว และร้องเพลงอย่างเปลี่ยวเหงา
Chorus:
F F7
See them tumbling down,
ดูต้นตัมเบิลวีดส์มันกลิ้งลงมา
E E7
Pledging their love to the ground,
ฝากสัญญาความรักที่มันมีต่อดิน
F C C#dim
Lonely but free I'll be found
โดดเดี่ยวแต่เสรี ตัวฉันนี้
G7 C C+
Drifting along with the tumbling tumbleweeds.
กำลังล่องลอยไปตามพุ่มตัมเบิ้ลวีดส์ ที่กลิ้งไป กลิ้งไป....
F F7
Cares of the past are behind,
ปล่อยอดีตให้มันอยู่เบื้องหลัง
E E7
Nowhere to go but I'll find
ไม่มีที่จะไป แต่ฉันคงจะได้พบความหมายของชีวิต
F C C#dim
Just where the trail will wind,
ณ ที่เส้นทางกำลังโค้งกลับ
G7 C C+
Drifting along with the tumbling tumbleweeds.
ฉันกำลังล่องลอยไปกับพุ่มตัมเบิ้ลวีดส์ กลิ้งไป กลิ้งไป....
Fm6 G7 C Am6# B7 Em B7 G7
I know when night has gone that a new world's born at dawn,
ฉันรู้ว่าเมื่อกลางคืนได้จากไป โลกใหม่จะเกิดขึ้นในยามรุ่งอรุณ
F F7
I'll keep rolling along,
ฉันจะกลิ้งตามมันไป
E E7
Deep in my heart is a song,
ลึกลงไปในใจฉัน คือเพลงๆ หนึ่ง
F C C#dim
Here on the range I belong,
ณ ทุ่งกว้างแห่งนี้ ที่ฉันเป็นส่วนหนึ่งของมัน
G7 C C7 C+
Drifting along with the tumbling tumbleweeds.
ฉันกำลังล่องลอยไปตามพุ่มตัมเบิ้ลวีดส์ ที่กลิ้งไป กลิ้งไป...
Repeat from Chorus to end
ร้องซ้ำจากสร้อยจนจบ
Last time add:
ครั้งสุดทัายให้เพิ่มดังนี้
G7 C
Drifting along with the tumbling tumbleweeds.
ล่องลอยไปตามพุ่มตัมเบิ้ลวีดส์ที่กลิ้งไป กลิ้งไป...
ตัมเบิลวีดส์(tubleweeds) คือพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง พจนุกรมไทย ของ สอ เสถบุตร แปลว่า “ผักโขมหนาม” พืชชนิดนี้มีประวัติว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในสมัยก่อน มันบุกรุกเข้าไปงอกงามในอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะตามทะเลทรายโดยมีเมล็ดติดไปกับเมล็ดพืชกินได้ของชาวนายูเครน โดยคาดว่าเข้าไปสู่รัฐ South Dakota ในปี ค.ศ. 1877 และแพร่พันธ์ไปถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในปี 1900 (http://www.moscowfood.coop/garden/tumbleweed.html)
นอกจากชื่อ tumbleweeds แล้ว ยังมีอีกหลายชื่อ เช่น รัสเซียทิสเทิ้ล และ ซาลโซลา กาลิ หรือ ทรากัส ( Russian Thistle, Salsola kali, Salsola tragus) ลักษณะเป็นไม้พุ่มมีกิ่งก้านดกและมีหนาม เมื่อมันโตเต็มที่ก็จะออกดอกมีเมล็ดได้ถึง 250,000 เม็ดต่อพุ่ม จากนั้นมันก็จะแห้งตาย
ต้นตัมเบิ้ลวีดที่แห้งตายจะหักที่โคนเมื่อ ถูกลมพัดแรงๆ เพราะโคนต้นมันเล็กและเปราะมากเมื่อแห้ง และเนื่องจากเป็นพุ่มกลม มันจึงถูกลมพัดกลิ้งหลุนๆ ไปได้ง่าย และไปได้ไกลๆ ตามทะเลทรายเป็นร้อยๆ กิโลเมตร หนังสือนิยายคาวบอยบางเรื่องกล่าวว่า บางครั้งมันกลิ้งไปพันกันเป็นก้อนใหญ่โตพอๆ กับกะท่อมหลังเล็กๆ และหากติดไฟเมื่อกลิ้งไปใกล้บ้านคน ก็อาจทำให้กลิ้งเข้าไปเผาบ้านคนได้ง่ายๆ
ปัจจุบันต้นไม้ชนิดนี้ก็ยังงอกงามอยู่ทั่วอเมริกา และพบพุ่มแห้งของมันกลิ้งไปตามถนนได้ทั่วไปในรัฐแถบตะวันตก ด้วยเหตุที่มันกลิ้งไปตามยะถากรรมอย่างไร้จุดหมายปลายทาง การเดินทางของมันจึงคล้ายกับวิถีชีวิตของคนเราบางคน ที่ต้องเร่รอนหางานทำ หรือเพื่อค้นหาสิ่งแปลกใหม่ให้แก่ชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง จนกว่าจะถึงวันแตกดับ โดยมีความหวังว่า ณ ที่ปลายทาง ที่เส้นทางจะโค้งกลับ (Just where the trail will wind)จะมีสิ่งใหม่ที่ดีงามเกิดขึ้นกับชีวิตของตน ดังนั้น เนื้อความของเพลงนี้ จึงกินใจคนที่เข้าใจธรรมชาติของต้นผักโขมหนามทะเลทรายพวกนี้อย่างมาก
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโกเชื่อว่า วันหนึ่งต้นตัมเบิ้ลวีดส์อาจกลายเป็นพืชทำเงินให้แก่ชาวนาอย่างมาก เนื่องจากค้นพบว่า มันมีกรดที่มีประโยชน์ถึง 12 ชนิด รวมทั้งน้ำมันหลายอย่าง ซึ่งสามารถจะนำไปผลิดเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น ผลิตกรดซิตริก (citric acid) ยาลดความดัน เส้นไยสำหรับเม็ดยา วิตามิน และสารผสมอาหารบางอย่าง(http://www.associatedcontent.com/article/12361/tumbleweeds_in_the_southwest.html?page=2%E2%84%91=3921)
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|