กาแฟขี้ชะมดป่า ดอยช้าง(Doi Chang Wild Civet Coffee)
ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน ว่า กาแฟอันดับ 1 ด้านรสชาดและราคาของโลก คือกาแฟขี้ชะมด ซึ่งมีชื่อมากจากประเทศอินโดนีเซีย และมีผลิตกันในประเทศฟิลิปปินส์ เวียตนาม โดยเลี้ยงชะมดหรืออีเห็นไว้ ให้มันกินผลกาแฟสุก พอมัน ขี้ ออกมาก็จะมีแต่เม็ดกาแฟ เอาไปล้าง หมัก ตาก สี แบบเดียวกับกาแฟทั่วไป จนคั่วออกมาบดทำกาแฟสด จะได้รสชาดสุดยอด ราคาจึงแพงอย่างมาก และได้ข่าวว่ามีคนไทยมาทำขายแถวกาญจนบุรี ซึ่งขายกันถึงแก้วละ 500-1500 บาท ผมยังไม่เคยกินกาแฟที่ว่านี้ และคิดจะไปกินที่กาญจนบุรีสักครั้ง ก็ยังไม่ได้ไปลองสักที
แต่ปรากฏว่า ผมบังเอิญได้ไปกินกาแฟขี้ชะมด อันดับหนึ่งของโลก เข้าแล้ว อย่างไม่ตั้งใจ กาแฟที่ว่านี้คือ กาแฟขี้ชะมดป่าดอยช้าง ซึ่งนักชิมกาแฟขี้ชะมดระดับโลกในต่างประเทศหลายแห่งได้ยอมรับแล้วว่า รสชาดดีกว่าของอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์อย่างมาก ส่วนแวียตนามนั้นยิ่งห่างไกลจนเลิกผลิตไปแล้ว
พอดีช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้โอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่ ในวันสงกรานต์ 15 เม.ย. 54 ได้แวะไปกินกาแฟที่ร้านใกล้บ้าน ชื่อ "บ้านไท คอฟฟี่" ประมาณ ก.ม. 8 ถนนเชียงใหม่-ฝาง หรือถนนโชตนา หน้าค่ายพระปิ่นกล้า(ป. พัน 7 เดิม) ซึ่งขายกาแฟยี่ห้อดอยช้าง กาแฟอันดับหนึ่งของไทย ที่มีชื่ออยู่ในระดับเกรด A+ ซึ่งมีเพียง 3% ในโลก สำหรับผู้สนใจแต่ไปไม่ถูก โทรสอบถามได้ที่ 053-122353 หรือ 081-8825887
ร้าน บ้านไทคอฟฟี่ เป็นของคุณ วิวรณ์ วาณิชบำรุง ซึ่งช่วงที่ผมเข้าไปในร้านนั้น ลูกสาวชื่อ เพียงสิริ หรือน้องแพรว กำลังดูแลร้านอยู่ เป็นร้านใหม่ เพิ่งเปิดมาได้ 5 เดือน เมื่อไปสั่งกาแฟก็พบว่าเขามีกาแฟขี้ชะมดป่าดอยช้างด้วย ก็เลยถือโอกาสสั่งมาลองดู 1 แก้ว ในราคาแก้วละ 450 บาทเท่านั้น
ตอนแรกเจอคนขายเป็นคุณ แพรว ลูกสาวเจ้าของร้านคนเดียว พอสั่งกาแฟขี้ชะมด ลูกสาวบอกว่า กาแฟนี้ใช้เครื่องทำเอสเปรสโซ่ทำไม่ได้ เพราะกลิ่นและรสมันจะเสียไป กลายเป็นเอสเปรสโซ่ ต้องทำพิเศษ จึงต้องให้คุณแม่มาทำให้
ก็ปรากฏว่า เมื่อเจอคุณแม่ กลายเป็นคนบ้านเดียวกันที่ผมรู้จักมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ก็เลยได้โอกาส สอบถามอะไรกันมากมาย ทราบว่าเขาไปเรียนทำกาแฟมาจากดอยช้าง แล้วจึงมาลงทุนเปิดร้านกาแฟที่นี่ และได้ทราบจุดเด่นของกาแฟดอยช้างที่ไม่เหมือนใครหลายข้อ
ก่อนเขียนเรื่องนี้ ผมลองค้นอินเตอร์เน็ตดู ก็ได้ทราบอะไรอีกมากมาย ยืนยันได้ว่า ของเขาดีและมีชื่อระดับโลกจริง กาแฟขี้ชะมดป่าดอยช้าง เน้นตรงที่เก็บมาจากขี้ชะมดป่าแท้ๆ ไม่ได้เลี้ยงในกรงเหมือนที่อื่นๆ ชะมดป่าจะเลือกกินแต่เม็ดกาแฟที่ดีที่สุด รสชาดดีที่สุด และคงเพราะมันกินพืชและสัตว์อื่นๆ ด้วย เอ็มไซม์ในกระเพาะอาหารของมันจึงมีอะไรที่ดีกว่าชะมดเลี้ยง ทำให้รสชาดกาแฟที่ผ่านกระเพาะลำใส้ของมันออกมาเหนือกว่าของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ อีกประการหนึ่งคงเป็นเพราะกาแฟที่นี่เป็นกาแฟอาราบิการ์ ไม่ใช่้โรบัสต้าแบบกาแฟขี้ชะมดในที่อื่นๆ สภาพดินและป่าที่ไร้สารฆ่าแมลงและปุ๋ยวิทยาศาสตร์ อันเป็นกระบวนการผลิตแบบออแกนิกส์ที่ได้รับการรับรองระดับโลก จึงทำให้รสชาดกาแฟที่นี่ยอดเยี่ยมกว่าหลายๆ แห่งในโลก
ที่น่ายินดีก็คือ กาแฟขี้ชะมดดอยช้าง เกิดได้เพราะชาวบ้านที่ปลูกกาแฟ ได้พยายามฟื้นสภาพป่า จากที่เคยถางป่าปลูกฝิ่นให้กลับมาเป็นป่าอีกครั้ง โดยกาแฟที่ปลูกเป็นพันธุ์ที่ต้องการแสงแดดเพียง 50% จึงต้องปลูกต้นไม้ใหญ่บังแดดให้มัน เมื่อมีป่าสมบูรณ์มากขึ้น ชะมดมันก็กลับมาอีก ตอนแรกชาวบ้านไม่รู้เรื่องก็พยายามขับไล่ จนถึงฆ่ามันทิ้งก็มี ทั้งนี้เพราะชะมดหรืออีเห็นมันมาขโมยกินผลสุกของกาแฟ และมันยังจับไก่ สัตว์เลี้ยงอื่นที่ตัวเล็กๆ กินด้วย เพิ่งมารู้ไม่นานมานี้ว่า ชะมดช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กาแฟอย่างมหาศาล
มีคำสัมภาษณ์นาย อาเดล คนอีก้อ 1 ใน 2 ผู้ริเริ่มโครงการ จากมติชน อ้างไว้ที่บทความของพลังจิต http://board.palungjit.com/f76/ก้าวของ-ดอยช้าง-กาแฟไทยสู่-กาแฟโลก-126934.html บอกสถานภาพกาแฟดอยช้างได้ดี ดังนี้
6 ปีจากวันนั้นถึงวันนี้ ล่าสุดเมษายน 2551 กาแฟดอยช้างได้รับเรตติ้ง 93 (คะแนนเต็ม 100) จาก Coffee Review ของ The World"s Leading Coffee Buying Guide กลายเป็นกาแฟขึ้นมาระดับท็อปของโลกแล้ว
"เราตื่นเต้นมาก ทีมงานในสหรัฐอเมริกา แวนคูเวอร์ เขาตื่นเต้นมาก เขาบอกว่าไม่เคยเห็นกาแฟแบบนี้มาก่อนในโลก เขาบอกว่ากาแฟแบบนี้หายไปจากโลก 40 ปีแล้ว และไปเจอแคแร็กเตอร์ตัวนี้ในดอยช้าง ทำให้เราต้องปรับฐานการตลาดใหม่หมดเลย ซึ่งวันที่ 2-5 พฤษภาคมนี้ไปทำ อีเวนต์ที่มินิอาโพลิส สหรัฐอเมริกา จากนั้นวันที่ 5 พฤษภาคมเข้าแวนคูเวอร์ โตรอนโต ก็จะประชุมเรื่องการตลาดในอเมริกาเหนือให้ชัดเจน วันที่ 10-11 พฤษภาคมจะกลับมาที่มิลาน อิตาลี จดทะเบียนตั้งโรงงาน ตอนนี้ดอยช้างได้แฟร์เทรดของอียูแล้ว หลายสถาบันเริ่มยอมรับ และถ้าได้ของสหรัฐอเมริกาด้วย จะคลุมไปทั้งโลก"
กาแฟดอยช้าง ไม่ใช่กาแฟ ICO : international coffee organization ซึ่งเป็นคอมมอดิตี้ โปรดักต์ กาแฟประเภทนี้ มีประมาณ 95-97% ของโลกที่ซื้อขายกัน แต่กาแฟดอยช้างเป็น speciality coffee หรือ specility single estate หรือ single origin มีประมาณ 2-3% ของโลก
รูปจากวิดีโอบน youtube ที่คุณ วิชา พรหมยงค์ หนึ่งในผู้เริ่มต้นพัฒนากาแฟดอยช้าง แสดงให้เห็นการเก็บกาแฟขี้ชะมดจากที่อยู่ของชะมดป่า
คุณวิวรณ์ หรือชื่อเล่นที่ผมรู้จักมาแต่เด็กว่า "เอ็ง" เจ้าของร้าน บ้านไท คอฟฟี่ ได้นำซองเม็ดกาแฟขี้ชะมดและเอสเปรสโซ่มาให้ผมลองเปิดดูสีและกลิ่นที่ต่างกัน กาแฟขี้ชะมดจะมีกลิ่นกาแฟแบบเอสเปรสโซ่น้อยมาก แต่มีกลิ่นหอมๆ คล้ายๆ ดอกไม้ สีนั้นคล้ายๆ กัน แต่จะคล้ำน้อยกว่านิดๆ
ในซองนี้คือ เอสเปรสโซ่
ในซองนี้คือ ดอยช้างขี้ชะมดป่า
การชงกาแฟก็กลายเป็นว่า ต้องบดด้วยเครื่องบดมือ และกรองด้วยกระดาษกรอง ซึ่งเป็นวิธีที่ผมทำประจำเมื่อทำกาแฟกินเองที่บ้าน ผมเลยแย่งมาบดด้วยมือตนเองซะเลย เพราะเห็นผู้หญิงมานั่งบดกาแฟให้กินนั้น มันรู้สึกกระไรอยู่
รูปนี้ตั้งใจให้ดูบรรยากาศในร้านด้วย
บดเสร็จก็ได้ผงกาแฟใส่ในใส้กรองอย่างนี้
เขานำชุดทำกาแฟขี้ชะมดใส่ถาดมา มีกาน้ำร้อนเล็กๆ พร้อมเครื่องปรุึงเช่น น้ำตาล ครีม กรวยใส่ใส้กรองกาแฟ พร้อมแก้วกาแฟเล็กๆ 4 แก้ว คงเห็นเราไปกันหลายคน
เนื่องจากผมคุ้นกับการกินกาแฟวิธีนี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นเขารินน้ำร้อนลงบนกาแฟในใส้กรองแล้ว ก็เลยแย่งมาทำต่อเสียเอง
ปกติกาแฟบดแล้ว เราจะเทน้ำผ่านเพียงครั้งเดียวก็ทิ้ง แต่กาแฟราคาและคุณภาพนี้ เจ้าของร้านบอกว่า เทสองครั้งก็ยังได้รสชาดและกลิ่นดีอยู่เลย ดังนั้นเราจึงทำกาแฟได้ 6-8 ถ้วยเล็กๆ ที่เขานำมาให้ ใช้น้ำร้อน 2 กาเล็กที่เขาให้มา
พวกเรากินกาแฟเพียวๆ โดยไม่ใส่อะไรเลย เพื่อดูรสชาดที่แท้จริงของมัน ผมพบว่า ความขมแทบไม่มี กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้อะไรไม่ทราบ มีกลิ่นกาแฟนิดๆ รสนุ่มลิ้น และชุ่มชื่นติดคอนานกว่ากาแฟทั่วไปมาก คิดว่าไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมงยังรู้สึกได้กลิ่นและรสของมันอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นอุปาทานหรือเปล่า
ลูกชายว่าอย่างนี้ก็คุ้ม เพราะที่เขาว่าแก้วละ 450 นั้น จริงๆ แล้วถ้าจะทำจริงๆ ผงกาแฟที่บดออกมาได้ ไม่ใช่ทำได้แค่แก้วเล็กๆ แต่มันขนาดกาแฟอะเมซอน 3-4 แก้ว
ที่ร้านนี้บรรยากาศเป็นแบบ antique เค้กอร่อยมีให้เลือกหลายอย่าง เครื่องดื่มอื่นๆ ก็มีให้เลือก ลองดูรูปเมนูก็แล้วกันครับ นั่งเล่น WiFi ฟรีด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ขณะนี้ มีค. 57 ร้านนี้ได้เปลี่ยนมือไปแล้วครับ บริการไม่เหมือนเดิม
เอาเรื่องราวกาแฟขี้ชะมดเลี้ยงมาลงไว้ให้รู้กันบ้าง ดังนี้
![]() |
« เมื่อ: 13 มีนาคม 2011, 18:19:25 PM »
|
![]() ![]() ![]() ![]() |
วันก่อนที่บ้านม้า ฟังคอกาแฟพูดถึงกาแฟขี้ชะมดซึ่งดังมาก จากอินโดฯ ไปเจอข่าวว่าที่เมืองไทยก็มีบริการกาแฟชนิดนี้แล้ว ใครสนใจอยากชิมไปลิ้มลองเองได้ที่ "ไร่คุณหญิง" ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของ สุรเชษฐ์ ยุทธสุนทร และ สุจิตรา ยุทธสุนทร ในราคาแก้วละตั้งแต่ 500-1,500 บาท และมีกาแฟคั่วสำหรับซื้อกลับไปชงที่บ้านในราคากิโลกรัมละ 1 แสนบาท
รายละเอียดข่าว
ไปไร่คุณหญิงดูเลี้ยงชะมดกินผลกาแฟชิม"บูม"สูตรขี้ชะมดแก้วละ1,500บาท
ที่จริง "กาแฟขี้ชะมด" เป็นที่รู้จักของคอกาแฟระดับอินเตอร์มานานแล้ว โดยเฉพาะกาแฟขี้ชะมดยี่ห้อ "โกปีลูวัค" (Kopi Luwak) ของอินโดยนีเซีย (คำว่า Kopi ในภาษาอินโดนีเซีย แปลว่า กาแฟ ส่วน Luwak หมายถึง ชะมดพันธุ์ Paradoxurus ที่อาศัยอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย) เป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าทั่วไป ซึ่งชาวอินโดนีเซียจะปลูกกันมากบนเกาะสุมาตรา ถือเป็นกาแฟที่มีรสชาติลึกล้ำ และแพงที่สุดในโลกอีกด้วย แม้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา "กาแฟขี้ลิง" ของอินเดียจะแซงบ้างก็ตาม แต่กาแฟชนิดนั้นยังไม่แพร่หลาย
บ้านเราเริ่มมีการเลี้ยงชะมดเช็ดให้กินกาแฟบ้างแล้ว แต่ไม่มากนัก อย่างที่ใกล้กรุงเทพฯ คือ ที่ "ไร่คุณหญิง" ที่ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของ สุรเชษฐ์ ยุทธสุนทร และ สุจิตรา ยุทธสุนทร สองสามีภรรยาที่เริ่มเลี้ยงชะมดให้กินผลกาแฟ และปัจจุบันทั้งสองได้เปิดร้านกาแฟสดจากไร่คุณหญิง ริมถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่มีกาแฟสดขี้ชะมดขายด้วย ทำให้บรรดาคอกาแฟทยอยเดินทางมาที่ร้าน เพื่อลองชิมกาแฟสดที่ผลิตจากกาแฟขี้ชะมดในราคาแก้วละตั้งแต่ 500-1,500 บาท และมีกาแฟคั่วสำหรับซื้อกลับไปชงที่บ้านในราคากิโลกรัมละ 1 แสนบาท
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปชมไร่กาแฟคุณหญิง ซึ่งอยู่ห่างจากร้านกาแฟไปทางทิศตะวันออกราว 3 กิโลเมตร เป็นไร่กาแฟที่อายุเพียง 3 ปี บนเนื้อที่บนเนินเขากว่า 70 ไร่ ภายในไร่เป็นแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนแรกเป็นการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าในพื้นที่ราว 3 ไร่ ถัดไปเป็นกาแฟพันธุ์อาราบิก้ากว่า 70 ไร่ ในยามที่กาแฟสุก สุรเชษฐ์จะทำกรงขนาด 2x3 เมตร ไปครอบต้นกาแฟ แล้วนำชะมดไปปล่อยเพื่อให้กินผลกาแฟ ปรากฏว่าช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาได้ขี้ชะมดที่เป็นเมล็ดกาแฟไม่ถูกย่อยราว 100 กิโลกรัม
สุรเชษฐ์เริ่มเลี้ยงชะมดเช็ดมา 5 ปีแล้ว เป็นการทดลองเลี้ยงเพื่อน้ำไขมัน หรือเช็ดชะมด ขาย พอได้ศึกษาเกี่ยวกับชะมดเช็ดในหลายๆ ด้าน เพื่อมานำเพิ่มมูลค่า จึงทราบว่ากาแฟขี้ชะมดราคาสูงที่สุดในโลก จึงหันมาปลูกกาแฟบ้างเมื่อ 3 ปี ลองปลูกพันธุ์โรบัสต้า 3 ไร่ และอาราบิก้าอีกกว่า 70 ไร่ พอกาแฟออกผลผลิต จึงศึกษาหาวิธีที่จะให้ชะมดกินกาแฟจนพบในเว็บไซต์ของประเทศอินโดนีเซีย จึงรู้ว่าประเทศอินโดนีเซียมีวิธีการผลิตกาแฟที่แปลกมาก คือผลิตกาแฟจากมูลของตัวชะมด หลังจากได้อ่านรายละเอียดในเว็บไซต์จนเข้าใจ ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า น่าจะลองทำดูบ้าง สุดท้ายทำกรงครอบต้นกาแฟ 10 กรง จากชะมดที่เลี้ยงทั้งหมด 20 ตัว และเพิ่งจะประสบผลสำเร็จช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้กาแฟขี้ชะมดชุดแรก 100 กิโลกรัม
"ผมใช้สูตรชะมด 1 ตัวต่อต้นกาแฟ 4 ต้น พอกินต้นนี้หมดแล้ว ย้ายไปต้นอื่น ปรากฏว่าหลังจากตัวชะมดได้กินเมล็ดกาแฟเข้าไปจะถ่ายมูลออกมามีลักษณะเป็น แท่งที่มีเมล็ดกาแฟติดกันเป็นเกรียว สังเกตเห็นว่ารอบของก้อนมูลจะมีเอนไซม์และสารเคมีที่มีอยู่ในกระบวนการย่อย อาหารของชะมดออกมาด้วย ตัวนี้แหละคือวัตถุดิบที่ต้องการนำมาผลิตเป็นกาแฟสด เมื่อได้มูลมาล้างอบ แล้วมาคั่วเพื่อชงดื่ม ตอนนี้กาแฟขี้ชะมดที่ร้านผมถ้าเป็นกาแฟโรบัสต้าแก้วละ 500 บาท ถ้าเป็นกาแฟสดอาราบิก้าสูตรต่างแก้วละ 1,000-1,500 บาท สูตรที่นิยมมากที่คือ บูม ตามคาปูชิโน เอสเปรสโซ่ เป็นต้น" สุรเชษฐ์ กล่าว
หลังจากร้านกาแฟไร่คุณหญิงมีการบริการกาแฟขี้ชะมดแล้ว ปรากฏว่ามีลูกค้าเดินทางมาที่ร้าน มีทั้ง ข้าราชการ นักธุรกิจ รวมทั้งถึงประชาชนทั่วไป ส่วนใหญ่จะมีรสนิยมชอบดื่มกาแฟสด บางคนเพื่อลองชิมดู เนื่องจากทราบว่า สรรพคุณของกาแฟจากการขับถ่ายของชะมดเช็ดมีคุณสมบัติพิเศษเมื่อดื่ม แล้วสามารถบรรเทาความเคล็ดขัดยอกที่ต้นคอได้ เพราะกาแฟชะมดจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี พร้อมทั้งเข้าไปทำหน้าที่ขยายหลอดเลือดที่สมองและหัวใจได้ดียิ่งขึ้น บางคนบอกว่าลักษณะอาการปวดเมื่อยจะบรรเทาลง เป็นต้น ส่วนราคาที่ไม่เท่ากันนั้น สุรเชษฐ์บอกว่า ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าต้องการกาแฟรสชาติแบบไหน
ยุตติ บุญสวัสดิ์ หนึ่งในลูกค้าประจำของร้านกาแฟไร่คุณหญิง บอกว่า ชอบดื่มกาแฟ และเป็นลูกค้าประจำ หลังจากทางร้านผลิตกาแฟที่ทำจากมูลชะมด ครั้งแรกก็ไม่กล้าดื่มเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเริ่มเห็นบรรดาคอกาแฟดื่มกันมากขึ้น จึงตัดสินใจควักกระเป๋าสตางค์ 500 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุด แต่ถือว่าเป็นกาแฟที่แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมาดื่มในชีวิตนี้ แต่หลังจากได้ทดลองดื่ม รู้สึกว่ากาแฟมีกลิ่นที่หอมหวน รสชาติแปลกใหม่ และเข้มข้นขึ้น ทำให้เงิน 500 บาทที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่า
ผ่านเมืองกาญจน์ หากอยากลองดื่มกาแฟอันลือชื่อของโลก และมีรสชาติที่ผิดแปลกจากกาแฟทั่วไป ลองควักกระเป๋าดื่มกาแฟที่แพงที่สุดในชีวิตได้ มีเพียงแห่งเดียวที่ จ.กาญจนบุรี สำหรับตัวชะมดเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แต่กฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 6 พ.ศ.2546 ให้ชะมดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเพาะเพื่อขยายพันธุ์ได้ ปัจจุบันสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (สพภ.) มีโครงการส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยงตัวชะมดในเชิงพาณิชย์ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้ประชาชนเป็นอย่างดี
หากอยากทราบวิธีการเลี้ยงชะมดเช็ด สุรเชษฐ์บอกว่ายินดีให้สอบถามได้ ที่โทร.0-3465-3310
ที่มา: http://www.komchadluek.net
Sunday, March 13, 2011 12:47
ถัดไป > |
---|