เพลง El Dorado ขี่ม้าไปให้สุดสายรุ้งแห่งฝัน
ในบรรดาเพลงประกอบหนังคาวบอย ผมฟังมามากมาย และแปลเนื้อโพสต์ไว้ก็เยอะ แต่ผมรู้สึกว่า เพลงเอล โดราโด(El Dorado) เป็นเพลงที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของนักสู้ตะวันตกมากที่สุด
เนื้อเพลงกล่าวถึงลูกผู้ชายชาตินักสู้ในจินตนาการ ที่เดินทางไปตามหาฝันของตนเองอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะสิ้นหวัง หลงทางสักเพียงใด เขาจะดั้นด้นไปค้นหาฝันของเขาต่อไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต เป็นเพลงที่ให้กำลังใจแก่ผมทุกครั้งที่ฟัง ไม่เคยเบื่อ
ใครที่ยังไม่เคยฟัง ลองคลิ๊กไปฟังที่ youtube ได้ หรือคลิ๊กที่ลูกศรในรูปข้างล่าง 2 ครั้ง
วิดีโอนี้ตัดมาจากไตเติ้ลหนัง ซึ่งโชว์ภาพเขียนวิถีชีวิตตะวันตกที่สวยงามหลายภาพของนักเขียนภาพชีวิตตะวันตกที่โด่งดังพอๆ กับ Remington และ Russel ชื่อ โอลาฟ วิกฮอร์สท์ Olaf Wieghorst ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในยุคตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคใหม่(1899-1988) เขาคลุกคลีกับพวกคาวบอย ไร่ปศุสัตว์และอินเดียนแดง สร้างผลงานจนมีชื่อเสียงไปทั่ว
รูปของโอลาฟ วิกฮอร์สท์ จิตรกรผู้เขียนภาพชีวิตตะวันตกที่ใช้เป็นไตเติ้ลหนังเรื่อง El Dorado
เพลงนี้ต้นฉบับในหนังร้องโดย ยอร์จ อเล็กซานเดอร์(George Alexander) ซึ่งมีเสียงหนักแน่นสมกับลูกผู้ชายเลือดนักสู้ผู้กร้านชีวิต หาคนร้องเหมือนได้ยากมาก เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเพลงนี้มาก ผมแปลเนื้อเพลงไว้ข้างล่างนี้ แต่การจะทำความเข้าใจความหมายของเพลงนี้ได้ ต้องรู้เรื่องราวความเชื่อเบื้องหลังของคำว่า El Dorado เสียก่อน ขอเชิญอ่านหลังจากเนื้อเพลงครับ
El Dorado
http://lyricsplayground.com/alpha/songs/e/el_dorado.shtml
Title Music from the film "El Dorado" (1966)
(Music: Nelson Riddle / Lyrics: John Gabriel)
C......................................Am...........................C
In sunshine and shadow, from darkness till noon
ท่ามกลางแสงตะวันและเงามืด จากคืนที่มืดมิดถึงเที่ยงวัน
C....................... Em.......................... Am................... C
Over mountains that reach from the sky to the moon
เหนือยอดเขา ที่พุ่งจากฟ้าถึงดวงจันทร์
F...............................C
A man with a dream that will never let go
ชายคนหนึ่งพร้อมความฝัน ที่จะไม่ยอมให้มันหลุดไป
C............................Am................. C
Keeps searching to find El Dorado
ยังคงค้นหาอย่างไม่ถอย เพื่อจะได้พบ เอล โดราโด
C C7 Am C7
So ride, boldly ride, to the end of the rainbow
เขาจึงขี่ม้าไป ขี่ไปไม่หยุดยั้ง บนเส้นทางสู่สุดสายรุ้ง
C7 Am C
Ride, boldly ride, till you find El Dorado
ขี่ไป ขี่ไปไม่ครั่นคร้าม จนกว่าคุณจะตามพบ เอล โดราโด
C Am C
The wind becomes bitter, the sky turns to grey
สายลมกลายเป็นความขมขื่น ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง
C Em Am C
His body grows weary, he can't find his way
ร่างเขาแสนอ่อนล้า เขาหาพบเส้นทางไม่
F C C
But he'll never turn back, though he's lost in the snow
แต่เขาจะไม่มีวันหันหลังกลับ แม้ว่าจะหลงอยู่กลางหิมะ
C Am C
For he has to find El Dorado
เพราะเขาต้องค้นหา เอล โดราโด
C C7 Am C7
So ride, boldly ride, to the end of the rainbow
เขาจึงขี่ม้าไป ขี่ไปอย่างไม่ครั่นคล้าม ไปตามทางจนสุดสายรุ้ง
C7 Am C
Ride, boldly ride, till you find El Dorado
ขี่ไป ขี่ไปอย่างไม่ครั่นคร้าม จนกว่าคุณจะตามพบ เอล โดราโด
C Am C
My Daddy once told me what a man ought to be
พ่อเคยบอกครั้งหนึ่งว่า ลูกผู้ชายควรเป็นเช่นใด
C Em Am C
There's much more to life than the things we can see
มันมีอะไรมากมายในชีวิตนี้ ยิ่งกว่าสิ่งที่เราเห็นได้
F C
And the godliest mortal you ever will know
และการตายของมนุษย์ที่ใหญ่ยิ่งดุจเทพเจ้า ที่เจ้าพึงจะรู้
C Am C
Is the one with the dream of El Dorado
คือการตายพร้อมความฝันถึง เอล โดราโด
C··················· C7························· Am··········· C7
So ride, boldly ride, to the end of the rainbow
เขาจึงขี่ม้าไป ขี่ไปอย่างไม่ครั่นคล้าม ไปตามทางจนสุดสายรุ้ง
·C7····················· Am·························· C
Ride, boldly ride, till you find El Dorado
ขี่ไป ขี่ไปอย่างไม่ครั่นคร้าม จนกว่าคุณจะตามพบ เอล โดราโด
*************************
เชื่อว่าทั้งเรื่องราวและเพลงของหนังเรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกลอนชื่อ เอลโดราโด ของกวีอเมริกันคนหนึ่งคือ เอ็ดการ์ อัลลัน โป (Edgar Allan Poe(1809-1849)) ทำให้ได้อารมณ์ของการแสวงหาและการผจญภัยอย่างมาก ผู้สร้างถึงกับให้ตัวละครชื่อ มิสซิสซิปปี้ นำบทกลอนนี้มาท่องให้พระเอกฟังขณะเดินทางในทะเลทรายเกือบเต็มบทกลอนทั้งหมด ใครสนใจเนื้อหาของหนังเรื่องนี้ เชิญไปดูที่หัวข้อหนังคาวบอยครับ
บทกลอน El Dorado ของ เอ็ดการ์ อัลลัน โป ฉบับเต็มอ่านได้จากเพลงของ โดโนแวน ที่นำกลอนนี้มาร้องเป็นเพลงทั้งดุ้นในปี 1996 ผมแปลไว้แล้วข้างล่างนี้ ใครสนใจอยากฟังก็ไปที่ youtube ได้ หรือคลิ๊กที่ลูกศรข้างล่าง 2 ครั้ง
Donovan - Eldorado lyrics
"Eldorado" (words by Edgar Allan Poe(1809-1849); music by Donovan) – 3:06
http://www.thelyricarchive.com/song/614966-82548/Eldorado
Gaily bedight, a gallant knight อัศวินผู้สง่างาม ร่าเริง แต่งกายสุดเลิศหรู
In sunshine and in shadow ในแสงแดดและเงามืด
Did journey long, singing a song เขาเดินทางไกล ร้องเพลงไป
In search of Eldorado เพื่อค้นหา เอลโดราโด
But he grew old this knight so bold อัศวินผู้กล้า ย่างเข้าวัยชรา
And o'er his heart a shadow และบนหัวใจของเขายังบดบังด้วยเงามืด
Fell as he found no spot of ground เขาล้มลงเมื่อพบว่าไม่มีจุดใดบนแผ่นดินนี้
That looked like Eldorado ที่ดูเหมือน เอลโดราโด
Over the mountains of the moon บนภูเขาของดวงจันทร์
Down the valley of the shadow ลงสู่หุบเขาของเงามืด
Ride boldly ride the shade replied จงขี่ม้าไป ขี่ไปไม่ต้องยั้ง เงามืดนั้นตอบมา
If you seek for Eldorado ถ้าเจ้าค้นหา เอลโดราโด
And as his strength failed him at length และเมื่อเรี่ยวแรงของเขาหมดสิ้นตามระยะทาง
He met a pilgrim shadow เขาพบเงามืดผู้แสวงบุญตนหนึ่ง
Shadow said he where can it be เงามืดบอกเขาว่า มันควรจะอยู่ที่ไหน
This land of Eldorado ดินแดนของเอลโดราโดแห่งนี้
(และเขาก็พบคำตอบเดิม คือ.. .)
Over the mountains of the moon บนภูเขาของดวงจันทร์
Down the valley of the shadow ลงสู่หุบเขาของเงามืด
Ride boldly ride the shade replied จงขี่ม้าไป ขี่ไปไม่ต้องยั้ง เงามืดนั้นตอบมา
If you seek for Eldorado ถ้าเจ้าค้นหา เอลโดราโด
โดยสรุป จากบทกลอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่า เอลโดราโด อยู่ที่ไหน แต่ให้ค้นหาต่อไปไม่ต้องหยุดยั้ง จนกว่าจะสิ้นลม แล้วอาจจะพบก็ได้ในวันหนึ่ง...
เป็นการสอนให้คนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ไม่ว่าจะยากเย็นสิ้นหวังเพียงใด ขอให้คงความฝันไว้ให้ได้ และพยายามต่อไปเท่านั้น
เงามืดที่กล่าวถึง ถ้าจะเปรียบไป ก็คงเหมือนกับกิเลสหรือความปรารถนาที่ครอบงำจิตใจอัศวินผู้นี้ ให้ค้นหาเมืองเอลโดราโดต่อไปไม่หยุดยั้ง ซึ่งในตำนานกล่าวว่า เมืองนี้เป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยแร่ทองคำ.
จากพจนานุกรมวิกกี้พิเดีย คำว่า เอล โดราโด เป็นภาษาสเปน แปลว่า “มนุษย์ทองคำ” เป็นตำนานของหัวหน้าเผ่าลึกลับเผ่าหนึ่งในอเมริกาใต้ มีศักดิศรีเทียบเท่ากษัตริย์ เรียกว่า ซิปา(Zipa) ตำนานกล่าวว่า หัวหน้าเผ่าๆ นี้ จะมีพิธีบวงสรวงเทพเจ้าด้วยการหุ้มตัวเองด้วยผงทองคำ และทำพิธีอยู่บนแพในทะเลสาบศักดิสิทธิ์แห่งหนึ่ง พร้อมเครื่องสักการะมีค่ามากมาย ในพิธีนี้ เขาจะต้องลงชำระล้างร่างกายที่หุ้มด้วยผงทองคำนี้ในน้ำบริสุทธิ์กลางทะเลสาบนี้ พร้อมทั้งทิ้งเครื่องสักการะทั้งปวงลงไปด้วย
พิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ รัฐบาลประเทศโคลัมเบีย ได้ทำโมเดลไว้ในพิพิธภัณฑ์ทองคำแห่งหนึ่ง ดังรูป จะเห็นว่าแพก็เต็มไปด้วยทองคำ
เรื่องราวของหัวหน้าเผ่าที่มีทองคำมากมายขนาดหุ้มตัวได้ และนำไปล้างทิ้งในทะเลสาบทุกปี โด่งดังไปเข้าหูพวกฝรั่งผิวขาวในยุโรป ทำให้ใครๆ ก็อยากรู้แหล่งที่มาของทองคำนี้ และเชื่อกันว่าคงอยู่ไม่ไกลทะเลสาบ มีการค้นหาสถานที่นี้ต่อเนื่องกว่า 200 ปี โดยเข้าใจกันว่า ที่อยู่ของเผ่านี้คืออาณาจักรที่อุดมไปด้วยทองคำ และเรียกอาณาจักรนี้ว่า เอลโดราโด ตามชื่อสเปนที่เรียกซิป้า ว่า “มนุษย์ทองคำ”
ที่มาของตำนานนี้ที่เก่าแก่ที่สุด คือเรื่องเล่าจากปากของร้อยโท มาติเนส (lieutenant Martinez)ในประเทศหนึ่งแถบอเมริกาใต้ในปี 1531 ที่อ้างว่า เขาได้รับการช่วยเหลือจากเรือล่มโดยหัวหน้าเผ่ามนุษย์ทองคำ หรือ “เอล โดราโด” และเป็นผู้พาเขาไปพักและเลี้ยงดูปูเสื่อด้วยตัวเองเลยทีเดียว
ผลของคำล่ำลือนี้ ทำให้เจ้าเมืองควิโต(Quito)แห่งประเทศอิควาดอร์ ชื่อ ฟรานซิสโก โอเรลลานา และ กอนซาโล พิซาร์โร( Francisco Orellana และ Gonzalo Pizarro ) พาคณะทหาร 340 คน และชนเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมืองอีก 4000 คน ออกเดินทางค้นหานคร El Dorado ในปี 1541 ทหารและอินเดียนแดงที่ไปด้วยตายไปเป็นจำนวนมากด้วยโรคร้ายในป่า ความหิว และถูกซุ่มโจมตี
กอนซาโลยอมแพ้ แต่สั่งให้ฟราสซิสโกหลานชายเดินทางต่อไป ซึ่งทำให้ฟรานซิสโกเดินทางไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ค้นพบแม่น้ำอะเมซอน และอ้างว่าพบเมืองในโคลอมเบียชื่อ โบโกตา(Bogota) มีเผ่าที่มีกษัตริย์ 2 องค์ ที่เรียกว่า ซิปา องค์หนึ่ง และซาคิว(Zaque) อีกองค์หนึ่ง ซิปา คือองค์ที่ทำพิธีบรวงสรวงเทพเจ้าด้วยการหุ้มตัวด้วยผงทองคำ
จากการค้นหาโดยนักสำรวจหลายคณะ ในที่สุดก็เชื่อกันว่า เอลโดราโด อยู่ในประเทศโคลัมเบียในขณะนี้จริง แต่จะมีทองคำมากมายหรือไม่ก็ยังสับสนกันอยู่ ในยุคนั้น El Dorado ถูกกำหนดไว้ในแผนที่ของอังกฤษและหลายประเทศว่า อยู่ที่ทะเลสาบพาไรม์ หรือพาริเม(Lake Parime) ซึ่งปัจจุบันถูกหักล้างโดยผลงานนักสำรวจเยอรมัน ชื่อ Alexander von Humboldt ที่ออกสำรวจลาตินอะเมริกาในปี 1799-1804 ว่า ไม่มีอยู่จริงตามแผนที่
ไม่ว่า เอล โดราโด เมืองแห่งมนุษย์ทองคำจะมีอยู่จริงหรือไม่ แต่เรื่องราว ความใฝ่ฝันของผู้คน ก็ยังฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมชาวยุโรปและอเมริกามายาวนาน ดังนั้น การมุ่งตะวันตก เพื่อค้นหาดินแดนที่ดีกว่า จึงเหมือนกับการค้นหาอณาจักรทองคำ เอล โดราโด ของนักสำรวจชาวยุโรปสมัยก่อน และเป็นการค้นหาที่แสดงถึงความมุ่งมั่น ทรหดอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ คาวบอย ในหนังหลายๆ เรื่อง
ด้วยเหตุนี้ ในยุคบุกเบิก เมื่อมีการตั้งเมืองใหม่ หลายแห่งก็จะใช้ชื่อเมืองว่า เอล โดราโด เพื่อให้เป็นศิริมงคลและสัญญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ตามความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับอณาจักรทองคำดังกล่าว ตัวอย่างเช่น Eldorado Country ในคาลิฟอร์เนีย และอีกหลายเมืองในที่อื่นๆ
หนังเรื่อง เอลโดราโด หยิบเอาตำนานเมือง เอล โดราโด และแนวคิดของการตามหาความฝันของลูกผู้ชายนักผจญภัย มาสร้างเป็นหนังที่สนุกสนานแบบคาวบอยที่น่าดูมากเรื่องหนึ่ง
ภาพเขียนบางส่วนที่ใช้เป็นไตเติ้ลหนังตอนเปิดเพลง El Dorado
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|
ความคิดเห็น
This is edited
ทดสอบอีกครั้ง
ทดสอบการโพสต์
ตอนนี้ ก่อนจะโพสต์ความ เห็นได้ ต้องใส่ระหัสควา มปลอดภัย
ทดสอบส่งความคิด เห็น ลงในเว็บนี้ทดสอบส่งความคิด เห็น ลงในเว็บนี้
ทดสอบส่งความคิด เห็น
ทดสอบส่งความคิด เห็น
ทดสอบส่งความคิด เห็น
ทดสอบ ทดสอบทดสอบทดสอบ ทดสอบทดสอบทดสอบ ทดสอบทดสอบทดสอบ ทดสอบทดสอบทดสอบ ทดสอบทดสอบทดสอบ ทดสอบ
This is a test.
ติดตามความเห็นนี้ในรูปแบบ RSS feeds