วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2553 ผมขับรถผ่าน ถนนเลียบคลองบางโพธิ์เหนือ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางจังหวัดปทุมธานีไม่น่าเกิน 3 ก.ม. ผมได้พบสิ่งที่ไม่คิดว่าจะยังมีอยู่ใกล้ตัวเมืองแค่นี้ นั่นคือสภาพชีิวิตของชาวบ้าน และภูมิประเทศที่ยังเป็นธรรมชาติแบบชนบท หรือ country อย่างมาก สองข้างทางเป็นบ้านคนอยู่ห่างๆ กัน สลับไร่นา คลองเล็กๆ สวนผลไม้ที่รกคลึ้ม ที่เหมือนจะย้อนยุคไป 100 ปีที่แล้ว ยกเว้นใช้รถไถนาแทนควายเท่านั้นเอง
ช่วงหนึ่งของเส้นทางเป็นชุมชนมุสลิม ซึ่งพัฒนาพอควร แต่ผมก็ยังได้เห็น คาวบอยและคาวเกิร์ลตัวจริงของไทย กำลังขี่มอเตอร์ไซและจักรยานต้อนฝูงวัวเล็กๆ ไปตามถนน นับเป็นภาพที่น่ารัก ประทับใจผมมาก เลยเอามาบันทึกไว้ เผื่ออีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจจะหาดูไม่ได้อีกแล้ว
ในปีนี้ 2011/2554 ผมผ่านที่นี่อีกหลายครั้ง ช่วงประมาณ 5 โมงเย็น ก็ยังพบพวกเขาเป็นบางครั้งบางคราว นี่แหละครับ ชีวิตคาวบอยคาวเกิร์ลยุคใหม่ ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมช่วยต้อนวัวแทนม้า แม้จะมีเทคโนโลยีนำสมัยให้ได้ใช้ทำมาหากินมากมายหลายสาขา จนบางคนร่ำรวยขนาดซิ่งรถสปอร์ตชนคนขาดเป็นสองท่อน แต่คนจำนวนหนึ่ง ก็ยังคงมีชีิวิตอยู่อย่างเรียบง่าย พึ่งพาธรรมชาติ อยู่อย่างพอเพียง เหมือนเมื่อ 100 ปีมาแล้ว ภาพถนนเส้นนี้ ที่นำมานี้ นับว่า แตกต่างสิ้นเชิงกับสภาพถนนแถวสุขุมวิท สยามสแควร์ ในวันเวลาเดียวกันนี้
ดังนั้น ใครอยากสัมผัสกลิ่นหรือบรรยากาศคาวบอย ไปพักผ่อนหย่อนใจ หามุมสงบให้แก่จิตใจเป็นบางครั้งบางคราว ถ้าไปไกลๆ ไม่ได้ แค่ขับรถเข้าถนนเล็กๆ แถวปมุทธานีเท่านั้น ท่านก็อาจได้พบเห็นอะไรดีๆ ที่อาจช่วยเตือนสติอารมณ์ให้ฉุกคิดได้ว่า จะโลภ จะแก่ิงแย่งต่อสู้กอบโกยกันไปมากทำไม ในเมื่อคนจำนวนมาก เขาก็ยังอยู่ได้ด้วยวิถีชีวิตแบบคาวบอยอย่างมีความสุข เหมือนยุคตะวันตกเมื่อ100 ปีที่แล้ว
·เครื่องมือง่ายๆ ไม้เรียวแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องพกปืนยิงไล่ เหมือนในหนัง
รูปก้นวัวพวกนี้ ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าบรรยากาศต้อนวัวจากเท็กซัสไปอาบีดีนในแคนซัส ซึ่งพวกคาวบอยต้องขี่ม้าตามหลังฝูงวัว ซึ่งมักพูดกันเล่นๆว่า ดมตูดวัว อย่างยาวนาน เป็นระยะทางกว่า 1600 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 3 เดือน ภาพที่ลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา คงเหมือนภาพที่ผมนำมาลงให้ดูนี่แหละครับ
ปั่นจักรยานตามวัวไปอย่างสะบายๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูท่าทางมีความสุข ไม่เครียดเลย
อยู่แถวนี้ครับ คาวเกิร์ลและคาวบอยมุสลิมของเรา
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|